ผอมได้ ด้วยการนอน!!
Share this

คุณก็ผอมได้.. ด้วยการนอนแบบนี้!



 

สมมุติว่าคุณมีเป้าหมายที่จะลดน้ำหนัก วิธีที่คุณนึกถึงคืออะไรบ้าง

วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน คุมอาหาร โยคะ ฯลฯ

วิธีต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สำหรับมนุษย์ผู้ไม่(เคย)มีเวลา อาจจะพูดว่า งานยุ่งตลอดเลย กว่าจะได้กลับบ้านก็ค่ำแล้ว ไม่มีเวลาหรอก

หากคุณเป็นคนเหล่านั้น บอกเลยว่าคิดถูกแล้วที่กดมาอ่านบทความนี้ เพราะเราจะมาแนะนำวิธีลดน้ำหนักที่ง่ายแสนง่าย ฟังแล้วกำลังใจเต็มเปี่ยม นั่นคือ การนอนนั่นเอง แค่นอนก็ผอมงั้นหรือ? ฉันนอนทุกวันก็ไม่เห็นจะผอมลงเลย

จริงๆ การนอนให้ผอมมันมีเคล็ดลับอยู่ นั่นคือ การนอนหลับสนิทและมีคุณภาพ เพื่อที่จะให้กลไฟฟื้นฟูตามธรรมชาติของร่ายกายได้ทำงาน ซึ่งร่างกายของเราทุกคนมีระบบเผาผลาญพลังงานระหว่างนอนหลับอยู่แล้ว โดยในแต่ละคืนร่างกายจะสามารถเผาผลาญได้ราว 300 กิโลแคลอรี

คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าควรนอนให้ได้ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน จากการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เรื่องการนอนกับความอ้วนของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐอเมริกา พบว่าคนที่นอนหลับ 5 ชั่วโมง มีโอกาสอ้วนขึ้นร้อยละ 52 และคนนอนหลับ 4 ชั่วโมง มีโอกาสอ้วนถึงร้อยละ 73 ทีเดียว! จึงสรุปได้ว่า ยิ่งนอนน้อยเท่าไหร่ ยิ่งอ้วนง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ครั้นจะพูดว่ายิ่งนอนเยอะ ก็ยิ่งมีโอกาสอ้วนน้อยก็ไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะถ้านอนเยอะแต่นอนไม่ถูกช่วงเวลาหรือนอนไม่ได้อย่างต่อเนื่องก็ไม่มีประโยชน์

ช่วงระยะเวลาที่เราควรจะนอน และควรนอนหลับให้ได้อย่างต่อเนื่อง คือ 4 ทุ่มตี 3 เพราะอะไร? เพราะร่างกายของเราจะหลั่งสารชนิดหนึ่งออกมา ชื่อว่า Growth hormone และจะหลั่งออกมามากที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว แล้ว Growth hormone มีประโยชน์ยังไง? อันที่จริงจะเรียกได้ว่ามันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้น้ำหนักเราหายไปก็ได้ เพราะหน้าที่ของ Growth hormone คือ 1.สลายไขมันที่สะสมให้กลายเป็นพลังงาน และ 2. ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอจากการใช้งานของร่างกายในช่วงกลางวัน หมายความว่าหากเรานอนหลับสนิทในช่วงเวลาที่ร่างกายหลั่ง Growth hormone ออกมามากที่สุด จะทำให้กระบวนการเผาผลาญไขมันมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

ถึงแม้ว่าการที่เรานอนนั้นจะช่วยเผาผลาญไขมันได้ แต่ในความเป็นจริงเราควรต้องควบคุมปัจจัยอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย ซึ่งเราจะมาแนะนำกันต่อว่าควรควบคุมอะไรบ้าง เน้นย้ำเหมือนเดิมว่ามนุษย์ผู้ไม่(เคย)มีเวลา ก็ทำได้เหมือนกัน




เคล็บลับก่อนเข้านอน

1. กินมื้อเย็นให้เสร็จก่อนเข้านอน 3 ชั่วโมง และกินให้พออิ่มเท่านั้น

ในช่วงเช้าและกลางวันนั้น สามารถกินได้เต็มที่ เพราะร่างกายจะนำไปใช้เผาผลาญในกิจกรรมระหว่างวัน แต่ในมื้อเย็นนั้นเราไม่ได้จะต้องทำกิจกรรมที่หนัก (เท่าตอนกลางวัน) ดังนั้นหากกินมากเกินไป ร่างกายก็จะเผาผลาญไม่หมด กลายไปเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความอ้วน

ระบบย่อยอาหารนั้นจะใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง หากช่วงเวลาที่คุณกินและเข้านอนห่างกันน้อยกว่านั้น ถึงคุณจะหลับไปแล้วแต่ระบบย่อยก็ยังทำงานอยู่ ส่งผลให้คุณนอนหลับไม่ลึก และหากนอนหลับไม่ลึกกระบวนการเผาผลาญของร่างกายก็จะทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพนั่นเอง ดังนั้นมื้อเย็นควรจะห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และควรกินอาหารเบาๆ ให้อวัยวะทำงานเบาลง พร้อมต่อการพักผ่อนอย่างเต็มที่

2. แช่น้ำอุ่นและอาบน้ำก่อนเข้านอน

นอกจากการอาบน้ำหรือการแช่น้ำอุ่นจะทำให้จิตใจและร่างกายผ่อนคลายแล้ว ยังช่วยปรับอุณหภูมิของอวัยวะภายในให้ต่ำลงและเข้าสู่ภาวะพักผ่อนเมื่อถึงเวลานอน นอกจากนี้การแช่น้ำอุ่นยังช่วยให้หลอดเลือดบริเวณผิวหนังขยายตัว ช่วยระบายความร้อนได้ดีขึ้น ทำให้หลับง่ายและหลับสนิทตลอดทั้งคืน

ทั้งนี้ควรแช่น้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 38-40 องศาเซลเซียส ไม่เกิน 10 นาทีและอาบให้เสร็จก่อนเวลาเข้านอน 1 ชั่วโมง แต่หากใครไม่มีอ่างอาบน้ำ สามารถแช่มือและเท้าลงในน้ำอุ่นที่อุณหภูมิ 39-42 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 30 นาทีแทนได้ แต่ไม่ควรใช้น้ำร้อนเกินไป เพราะจะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทตื่นตัว ทำให้หลับยากขึ้น

3. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังมื้อเย็น

สารคาเฟอีนที่มีอยู่ในชา กาแฟ ช็อคโกแลต และเครื่องดื่มชูกำลังต่างๆ มีฤทธิ์กระตุ้นประสาท ทำให้สมองตื่นตัว ซึ่งจะออกฤทธิ์หลังจากดื่มเข้าไปราว 30 นาที หลังจากนั้นร่างกายจะทำกิจกรรมต่างๆ ต่อได้อีก 4-5 ชั่วโมง โดยไม่รู้สึกง่วงนอนหรืออ่อนเพลีย หากดื่มหลังช่วงเย็นฤทธิ์ของคาเฟอีนจะขัดขวางการนอนได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงจะดีที่สุด

4. ห้ามเลิกกินคาร์โบไฮเดรตเป็นอันขาด

กระแสเลิกกินแป้งมาแรงในกลุ่มคนลดความอ้วน เพราะเชื่อกันว่าคาร์โบไฮเดรตเป็นตัวการที่ทำให้น้ำหนักเพิ่มไม่หยุด แต่ในเมื่อคาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารหลัก ย่อมมีประโยชน์ต่อร่างกายแน่นอนอยู่แล้ว เมื่อเรากินเข้าสู่ร่างกาย คาร์โบไฮเดรตจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคส ซึ่งเป็นพลังงานที่ใช้ส่งสารทริปโตเฟนเข้าสู่สมองเพื่อให้ฮอร์โมนเซโรโทนิน (สารแห่งความสุขที่ทำให้รู้สึกสงบ) ใช้ผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน (สารที่ทำให้รู้สึกง่วง) ออกมา การงดคาร์โบไฮเดรต 100 เปอร์เซ็นต์ย่อมส่งผลกระทบต่อการทำงานของฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ ซึ่งทำให้ระบบต่างๆ แปรปรวน และทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลงอย่างตั้งใจ ดังนั้นควรกินคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการของร่างกายจะดีที่สุด

5. กินผักเป็นอย่างแรกในมื้ออาหาร

คนไทยส่วนใหญ่ที่กินข้าวเป็นมื้อหลัก มักมีกับข้าวหลายอย่างบนโต๊ะอาหาร หากกินข้าวหรือแป้งเป็นอย่างแรก คาร์โบไฮเดรตที่ถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคส (น้ำตาล) จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ร่างกายผลิตอินซูลิน (ฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายปรับระดับน้ำตาลในเลือด) ปริมาณมาก เพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือด ดังนั้นสิ่งที่ควรกินเข้าปากเป็นอย่างแรกคือผัก เพราะผักมีเส้นใยอาหารสูง จึงช่วยไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปขณะกินอาหาร

6. น้ำมันหอมระเหยช่วยให้หลับลึก

หลายคนน่าจะเคยได้ยินว่า กลิ่นมีส่วนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น และแน่นอนว่าการที่ได้ดมกลิ่นหอมๆ ก่อนนอน ก็มีส่วนช่วยให้เราหลับสบายและหลับสนิทยิ่งขึ้น น้ำมันหอมระเหยจากดอกไม้และสมุนไพร เป็นตัวช่วยชั้นดี เช่น น้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ คาร์โมมายล์ เลมอน หรือไม้ซีดาร์ เหล่านี้มีสรรพคุณช่วยให้ผ่อนคลาย หลับสบายทั้งสิ้น

7. ประคบตาเพื่อผ่อนคลายสมอง

การประคบดวงตาด้วยผ้าอุ่น ช่วยให้ระบบประสาทที่ยังตื่นตัวนั้นผ่อนคลายลง เนื่องจากการมองเห็นเป็นประสาทสัมผัสที่รับรู้ข้อมูลมากที่สุดในสัมผัสทั้ง 5 จากนั้นจึงส่งไปยังสมองเพื่อจัดการกับข้อมูลต่างๆ ดังนั้น การบรรเทาความเหนื่อยล้าของดวงตาจึงเท่ากับการผ่อนคลายสมองเช่นกัน

 

7 เคล็บลับก่อนเข้านอนที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่จะช่วยให้คุณหลับลึกและหลับสนิทได้ตลอดทั้งคืน เมื่อการนอนของคุณมีคุณภาพ ก็จะส่งผลให้ระบบต่างๆ ของร่างกายที่ทำงานช่วงเวลาที่คุณนอนหลับ สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญมากกับการลดน้ำหนักด้วยการนอนนั่นเอง

 

เขียน : Maytiz

อ้างอิงบทความ : หนังสือ แค่นอนดีก็ผอมได้ เขียนโดย Keiko Sato

Share this